พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า มีการตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 3.1 ล้านล้านบาท เป็นงบขาดดุล 700,000 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณได้มีกรอบวงเงินเพื่อใช้จ่ายในปี 2565 โดยร่าง พ.ร.บ.งบฯ65 ที่รัฐบาลเสนอเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2564 เพื่อใช้งบฯเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเนื่องจากสถานการณ์โควิด19 และนโยบายของรัฐบาล ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้เป็นรูปธรรม เกิดผลสัมฤทธ์และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้มีการดำเนินการให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและผลกระทบจากภายนอก รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟูจากผลกระทบการระบาดของโควิด19 โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากในประเทศ พัฒนาศักยภาพและคุณภาพของประชาชนเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ปรับปรุงปัจจัยพื้นฐานและยกระดับขีดความสามารถของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและกระจายการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึง ภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไป ในปี 64 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.5-3.5 โดยจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกตามความคืบหน้าของการกระจายวัคซีนให้ประชาชนในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก และผลจากการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม ประกอบกับการได้รับการสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการบริโภคของภาคเอกชน และการลงทุน
ส่วนปี 2565 รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจ จะขยายตัวร้อยละ 4.0-5.0 โดยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวดีขึ้นของอุปสงค์ภาคต่างประเทศตามแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดีทั้งการบริโภคและการลงทุนจากภาคเอกชน ประกอบกับปัจจัยสนับสุนจากภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นหลังการกระจายวัคซีนได้ทั่วถึง โดยเศรษฐกิจในปี 2565 ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 0.7-1.7 โดยในปี 2565 รัฐบาลได้ประมาณการจัดเก็บรายได้ จากการจัดเก็บภาษี ขายสินค้าและบริการ และอื่นๆ รวม 2,511,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากปีก่อน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงฝฐานะการคลัง ว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีจำนวน 8,472,187 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54.3 ของ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายการเงินการคลังของรัฐ
ส่วนฐานะเงินคงคลัง ณ 30 เมษายน 2564 มีทั้งสิ้น 372,784.3 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงรายรับรายจ่ายของรัฐบาล ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด