อนุทิน ยันผู้เสียชีวิตรายใหม่ไม่เกี่ยวกับวัคซีน ชี้มนัญญาแอทมิทเกิดจากหลายปัจจัย มองพักผ่อนน้อย-สูงวัย ลั่นคนฉีดวัคซีนไม่ปลอดภัย 100% แต่ไม่ตาย 100%
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พบผู้เสียชีวิตรายแรกจากเส้นเลือดในท้องโป่งพองแตกและเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา ว่า อาการของผู้เสียชีวิตดังกล่าวเหตุไม่ได้มาจากการฉีดวัคซีน 100% เนื่องจากมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ประสบกันพอดี เมื่อเช้านี้มีการหารือร่วมกันของคณะแพทย์ ทุกคนบอกตรงกันว่าผลไม่ได้มาจากวัคซีน ซึ่งหลังจากนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคจะแถลงอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับระบุว่า ผลข้างเคียงจากวัคซีนทุกชนิดในโลกนี้มีผลข้างเคียงทั้งหมด มากบ้างน้อยบ้างเป็นเรื่องปกติ
ส่วนกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากมีผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 นายอนุทิน ระบุว่า ตนได้สอบถามรัฐมนตรีทุกคนตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีทุกคนนอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอเพราะหากรัฐมนตรีคนใดนอนสองทุ่มตื่นหกโมงเช้าคงโดนนายกรัฐมนตรีด่าแน่นอน เพราะฉะนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งน.ส.มนัญญา เองก็อายุไม่ใช่น้อย อย่างนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้ฉีดก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยังสุขภาพแข็งแรง โดยนายอนุทิน ยืนยันว่าต้องฉีดวัคซีน เพราะอย่างน้อยวันนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะไม่ทำให้อาการของโรคนั้นทวีความรุนแรงและจะไม่มีการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้เพียงพอแล้ว
ทั้งนี้นายอนุทิน ยอมรับว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ใช่จะสามารถรับรองได้ว่าจะไม่ติดโควิดอีก เพราะหากเข้าไปคลุกคลีกับแม่ค้ากลุ่มเสี่ยงอย่างตลาดสมุทรสาครหรือตลาดบางแค ก็จะติดอย่างแน่นอน แต่ผลจะไม่รุนแรง ดังนั้นจึงควรรับโควิดวัคซีนเพื่อความปลอดภัยกับตัวเอง พร้อมย้ำว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ปลอดภัย 100% และไม่ตาย 100% จากตามผลการทดลองของสถาบันผู้ผลิตวัคซีน
นอกจากนี้นายอนุทินยังกล่าวถึงอาการของนางสาวมนัญญาอีก ว่า อาจมีการโหลดแอพพลิเคชั่นติดตามตัวหลังฉีดวัคซีน แต่อาการไม่ใช่ว่ารุนแรงต้องผ่าตัดหรือปั๊มหัวใจ เพียงแต่เป็นไข้แล้วเข้าไปพักผ่อนหนึ่งวันก็ออกมา โดยย้ำอีกครั้ง ว่าไม่ใช่ผลข้างเคียงของวัคซีน
ส่วนการรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น นายอนุทินระบุว่า ขณะนี้ต้องอัดวัคซีนเข้าไปก่อนจำนวน 1แสนโดสจากวัคซีนที่รับมา 8 แสนโดส ในสัปดาห์หน้าสมุย 5 หมื่นโดส และสมุทรสาคร 1 แสนโดส กรุงเทพมหานคร 1 แสนโดส และในเดือนน่าจะมีวัคซีนเข้าไทยอีก 1 ล้านโดส หรืออาจเจรจาต่อรองซื้อได้ถึง 2 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนจากแอสตราเซเนกาจะเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญ คือเมื่อวัคซีนมาแล้วต้องกราบเท้าประชาชน ทุกคนอย่ากลัวให้มาฉีดวัคซีน ส่วนจะสามารถเปิดจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ได้เลยหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เราทำทุกอย่างควรที่จะทำก่อน และผลที่ออกมาจะเป็นการออกมาตรการอีกครั้งหนึ่งโดยหลังจากนี้1 เดือน ตนและประชาชนกว่าอีก 1 หมื่นคนจะเป็นตัวอย่างในการทดสอบภูมิหลังจากฉีดวัคซีนครบสองโดส จึงจะค่อยมีการผ่อนคลายมาตรการ นี่คือขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการไปเรื่อยๆ แต่ตนไม่ขอพูดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการในช่วงใด โดยต้องขอรการประเมินจากฝ่ายแพทย์ พร้อมยอมรับว่าตนมีอยู่ในใจแต่ไม่ขอพูดดีกว่า
ส่วนการเจรจาวัคซีน Johnson & Johnson จะสามารถฉีดให้ประชาชนได้เมื่อใดนั้น นายอนุทินระบุว่าขึ้นอยู่กับว่าจะยอมขายให้รัฐบาลหรือไม่ เมื่อวานนี้เป็นเพียงการขึ้นทะเบียน เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ แต่ต้องยอมรับก่อนว่าแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนหลักและชนิดแรกของไทย เพราะสั่งวัคซีนไปถึง 61 ล้านโดส แต่วัคซีนใดก็ตามที่มาหลังเดือนมิถุนายนใครไม่มีความต้องการมาก แต่สิ่งที่ต้องการ คือ ในช่วงนี้ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็เป็นห่วงประชาชนหากบริษัทใดสามารถขายให้รัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าวได้ก็ซื้อเลย โดยระหว่างนี้หากมีการไม่บังคับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินบริษัทเอกชนก็สามารถจัดซื้อวัคซีนจากบริษัท Johnson & Johnson ได้ หากเขาต้องการขายให้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการปิดกั้น