“ประเสริฐ” หอบหลักฐาน ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “ประยุทธ์-นายจุรินทร์” พร้อม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใน อคส. ปมทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง เตรียมเชือด “ครูตั้น” รายต่อไป เผย ตั้งวอร์รูมติดตามผลวินิจฉัยศาลฯที่เพื่อไทยพรุ่งนี้
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พร้อมโฆษกพรรค นางสาวอรุณี กาสยานนท์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย นางสาวชนก จันทาทอง และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ร่วมเข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. จำนวน 32 หน้า พร้อมพยานหลักฐานสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวน 47 รายการ กล่าวหานายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะผู้กำกับดูแล องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. โดยต้องการให้ ป.ป.ช. ไต่สวนผู้กระทำความผิดและติดตามเงิน อคส. คืน กรณีเรื่องการทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางของ อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท
โดยนายประเสริฐ ระบุว่า ตนได้ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชน ปกป้องผลประโยชน์ในเรื่องทุจริต หรือเรื่องที่ไม่ถูกต้องหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา หวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะดำเนินการอย่างเข้มงวด และหาตัวผู้กระทำความผิดมาได้โดยเร็ว โดยกล่าวหาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย กรณีจงใจร่วมกับนายจุรินทร์ ปกปิดการกระทำทุจริตในหน่วยงานของรัฐ และละเว้นไม่ระงับยับยั้งความเสียหายอันเกิดจากการทุจริต ทำให้ผู้กระทำผิดยักย้าย ซ่อนเร้น จำหน่ายจ่ายโอนเงินที่ทุจริตไปจนสิ้น ทั้งที่อยู่ในวิสัยและอำนาจหน้าที่จะระงับยับยั้งความเสียหายได้แต่ละเว้นไม่กระทำการ ทั้งที่พลเอกประยุทธ์ฯ รู้เรื่องการทุจริตว่าก่อนหน้าวันที่ 14 กันยายน 2563 แต่กลับร่วมปกปิดการทุจริตในเรื่องนี้ ทำให้สูญเงินของรัฐที่จะระงับยับยั้งได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะผู้กำกับดูแล อคส. เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีเอื้อประโยชน์แต่งตั้งคนสนิทและผู้ช่วย ส.ส. โดยไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถเฉพาะตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นประธานคณะกรรมการ อคส. และภายหลังแต่งตั้งมีการจัดทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางของ อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นรายงานการประชุมและคลิปเสียงของนายสุชาติฯ ประธาน อคส. พาดพิงนายจุรินทร์ฯ และนายจุรินทร์ฯ ละเว้นการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายต่อกรณีดังกล่าว แต่กลับร่วมปกปิดการทุจริตในเรื่องนี้ ทำให้สูญเงินของรัฐที่จะระงับยับยั้งได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมหลายประการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช ต้องสอบสวนว่านายจุรินทร์ฯ ส่อว่ารู้เห็นเป็นใจกับประธานคณะกรรมการ อคส. อันเป็นความผิดต่ออำนาจหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 และปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย และมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 โดยส่วนตัวมองว่าหลักฐานทุกอย่างเพียงพอที่จะเอาผิดได้ หลังจากนี้จะมีการดำเนินการเอาผิดในเรื่องจริยธรรมต่อไปด้วย
ทั้งนี้ยังได้ยื่นเอาผิดต่อประธาน อคส. นายสุชาติ เตชจักรเสมา ด้วย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายและมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐปี 2542 ซึ่งอ้างถึงข้อเท็จจริงจากคำให้การของรักษาการแทน ผอ.อคส. พันตำรวจเอกรุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ที่อยู่ในรายชื่อการเอาผิดครั้งนี้ด้วย
นายประเสริฐ ยังเปิดเผยว่าในคิวต่อไป ก็จะเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ โดยขณะนี้เอกสารพร้อมหลักฐานใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งจะเป็นการยื่นต่อ ป.ป.ช. ในกรณีการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. ที่ขาดคุณสมบัติ และคาดว่าภายในเดือนมีนาคม จะดำเนินการยื่นเอาผิดแล้วเสร็จหลายบุคคล
ส่วนกรณีที่ศาล รธน. นัดฟังคำวินิจฉัยอำนาจสภาแก้ไข รธน. ในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) นั้น นายประเสริฐระบุว่า จากที่ทำความเห็นส่งไป 7 ข้อก็เพื่อให้ศาลรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน คงต้องจับตาว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าอำนาจแก้ไข รธน. เป็นของรัฐสภา ส่วนการตั้งวอร์รูมของฝ่ายค้าน จะตั้งที่พรรคเพื่อไทยในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งหากทราบผลจะมีการประชุมหารือกัน และจะมีการแถลงข่าวทันที ส่วนแผนสำรองตอนนี้ยังไม่มี ขอรอคำวินิจฉัยก่อน
ด้านหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ร่วมกับคณะฝ่ายค้าน ระบุถึงการเข้าเป็น
สมาชิกของพรรคฝ่ายค้านว่า จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาก็ชัดเจน ตนได้โหวตไม่ไว้วางใจครบทั้ง 10 คน รวมถึงก็ได้ส่งข้อมูลบางส่วนให้กับทางทีมกฎหมายของฝ่ายค้านด้วย ส่วนการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านในครั้งต่อไป ตนก็จะเข้าร่วมอย่างแน่นอนหากไม่มีอาการป่วย