โฆษกรัฐบาล ยัน เดินทางข้ามจังหวัดไม่มีหมอชนะ ไม่ผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเว้นจงใจปกปิดข้อมูล ส่วนคุมเข้ม 5 จังหวัด สามารถขออนุญาตผ่านกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องออขอผ่านอำเภอ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงรายละเอียดมาตรการมีการประกาศควบคุมการเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดต่างๆ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดที่ต้องผ่านด่านคัดกรอง ถึงเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในพื้นที่ 5 จังหวัด ซึ่งต้องแสดงหลักฐานการอนุญาตในพื้นที่ภูมิลำเนา การขออนุญาตออกนอกพื้นที่ โดยในการขออนุญาตสามารถขอที่พนักงานเจ้าหน้าที่ในส่วนของตำบล กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอำเภอหรือจังหวัด ซึ่งจะถือเป็นความสะดวกและง่ายขึ้น โดยขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่อาจต้องสอบถามเบื้องต้นถึงความจำเป็นในการเดินทาง ส่วน 49 จังหวัดให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด แม้กระทั่งในจังหวัดเอง โดยให้พื้นที่สามารถออกมาตรการที่เข้มข้นกว่าในพื้นที่ถือบังคับใช้
ส่วน กรณีการแถลงข่าว ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. ที่ระบุว่าหากผู้ติดเชื้อ ไม่มีการโหลดแอพพลิเคชั่นหมอชนะจะถือเป็นความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นายอนุชาระบุว่า การที่ต้องมีแอพพลิเคชั่นหมอชนะ ขอทำความเข้าใจว่าแอพพลิเคชั่นเป็นการช่วยตรวจดูการเคลื่นที่ของประชาชน ที่ผ่านมาใช้ในการตรวจสอบว่าอยู่ที่ใดมาบ้างแล้ว หากไม่มีความสะดวกอาจใช้การบันทึกหรือแผนการเดินทางที่ด่านได้ แต่หากเจตนาปกปิดข้อมูล ในเกิดการแพร่ระบาดถือเป็นความผิด แต่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าหากมีสมาร์ทโฟนเจ้าหน้าที่จะช่วยในการโหลดและติดตั้ง เพื่อลดการแพร่ระบาด ไม่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาตรวจสิบและควบคุมอาจทำให้การบันทึกไทม์ไลน์เป็นไปอย่างล่าช้า แต่ยืนยันว่าไม่ถือเป็นความผิด หากเว้นแต่จงใจปกปิดข้อมูลหรือบิดเบือนข้อมูลให้ถือมีโทษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ส่วนความคืบหน้าเรื่องวัคซีน นายอนุชา ยืนยันอีกครั้งว่า เป้าหมายการจัดหาวัคซีนในปี 2564 ต้องจัดหาให้ได้ 50% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งต่อคนใช้ 2 โดส ซึ่งระยะห่างต่อโดส 1 เดือน วันนี้ได้มีการเจรจากับซิโนแวค นำเข้าเดือน ก.พ. 200,000 โดส เพื่อให้เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวอาทิ เบาหวาน ความดัน หลอดเลือดสมอง //ส่วนการนำเข้าในเดือนมี.ค. 800,000 โดส ต้องส่งฉีดให้ 200,000 คนแรกในเดือนก.พ. ที่เหลืออีก 6000,000 โดสให้พื้นที่ควบคุมสูงสุด และตามแนวชายแดน ส่วน 1,000,000 โดส จะฉีดกลุ่มครั้งแรกเดือนมี.ค. ภายในเม.ย. ได้รับวัคซีนจากจีน 2 ล้านโดส โดยต้องได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนจากทั้งประเทศจีนและไทย โดยวัคซีน 26 ล้านโดสถือเป็นการผลิตภายในประเทศของสยามไบโอไซน์ ปัจจุบันเมื่อมีมาตรฐานเทียบเท่ามาตรฐานโลก มีกำลังการผลิต 15-20 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งต้องมีการทดสอบ 5 รอบการผลิตใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ผลิตรอบแรกแล้ว 16 ธันวาคม 2563 โดยคาดว่าพ.ค.จะผลิตแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรีดำเนินการให้สาธารณสุขเจรจาเพิ่มเติมนำเข้าอีก 35 ล้านโดส ซึ่งใกล้เคียงกับการตั้งเป้าไว้ของรัฐบาล
ส่วนมาตรการที่รัฐบาลจะมีในอนาคต รัฐบาลให้ความสำคัญพร้อมเยียวยาผู้ที่ได้ระบผลกระทบ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดจัดทำมาตรการเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม ภาครัฐมีแหล่งงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นงบกลางที่ในเหตุฉุกเฉิน กว่า 1.39 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินกู้ในส่วนที่เหลือ 4.7 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 2.9 แสนล้าน ที่จะดูแลประเทศไทยได้
ส่วนการจัดงานวันเด็ก นายอนุชา ระบุว่า ในปีนี้ทำเนียบรัฐบาลไม่เปิดให้ทำกิจกรรมแต่จะรวบรวมกิจกรรมต่างๆ เป็นคลิปวีดีโอจัดทำผ่านรายการ 10.00-11.30 น.ผ่านNBT ในวันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2564 โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการบันทึกเทปไว้แล้ว ซึ่งมีการนำเยาวชนกลุ่มหนึ่งร่วมเยี่ยมชมห้องทำงานและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี