“จตุพร” ชี้กลไกรัฐบกพร่อง หละหลวม ปล่อยการ์ดตก โควิดระบาดลามหนัก รัฐบาลต้องรับผิดชอบเร่งเยียวยาเดือดร้อน จ่ายชดเชย ลดผ่อนผันชำระหนี้บ้าน รถ ค่าไฟ น้ำ ติง“ประยุทธ์”พูดไม่สวย อ้างไม่มีเงิน แนะ ครม.เสียสละไม่รับเงินเดือนเป็นตัวอย่าง เชื่อ ปชช.ทุกข์มากไม่กลัว พรก.ฉุกเฉิน จะรวมชุมนุมไล่ รบ. แล้วนรกก็มีจริง
เมื่อ 5 ม.ค. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk เรียกร้องรัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการเยียวยาประชาชนทุกด้านไม่มีเงื่อนไข เพราะโควิดระบาดรุนแรงในครั้งนี้เกิดจากกลไกรัฐหละหลวมบกพร่อง และไม่ได้เป็นความผิดของประชาชนเลย
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อความผิดไม่ได้เกิดจากประชาชน แต่เป็นกลไกรัฐการ์ดตกเองที่ชายแดน รวมทั้งบกพร่องกรณีบ่อนการพนันจนเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดระบาดครั้งใหญ่และรุนแรงกว่าครั้งแรก ดังนั้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการเยียวยาประชาชน
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการสั่งธนาคารพักชำระหนี้บ้าน รถ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำในช่วงเวลา 3 เดือนนับจากนี้ เพื่อเป็นการอุ้มชีวิตคนให้รอดจากความยากลำบากก่อน ถ้าไม่ทำอย่างนี้ พรก.ฉุกเฉินก็เอาคนไม่อยู่ จึงอยากให้รัฐบาลฟังสียงประชาชนที่อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก
อีกอย่าง การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบ่อนการพนันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ตนบอกตามความจริงว่า ใช้ไม่ได้ ทั้งที่นายกฯคุมตำรวจ คุมกลาโหม และเมื่อรัฐบาลผิดพลาด ก็ต้องหาเงินมาเยียวยาประชาชน ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา แต่การให้ประชาชนอยู่บ้าน 14 วัน เป็นการอธิบายง่ายเกินไป แล้วจะกินอยู่กันอย่างไร
“ในสถานการณ์นี้ รัฐบาลต้องคิดอย่างครบถ้วน ต้องนำภาษีมาใช้เพื่อรักษาชีวิตประชาชน แต่หวังว่าท้ายสุดแล้ว คงไม่อุ้มคนรวยแล้วทิ้งคนจน ดังนั้น รัฐบาลต้องเยียวยาทุกชีวิตให้ผ่านวิกฤตไปได้ก่อน”
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าไม่เแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว ย่อมส่งผลกระทบกับรัฐบาลด้วย เนื่องจากความเดือดร้อนของประชาชนจะอยู่เหนือ พรก.ฉุกเฉิน ทุกอย่างที่นำมาควบคุมไว้ ดังนั้น รัฐต้องคิดกันใหม่ ถึงมาตรการเยียวยา เพราะสิ่งนี้ถือเป็นหน้าที่
รวมทั้ง ในยามวิกฤตเช่นนี้ รัฐบาลควรแสดงความเสียสละให้ประชาชนเห็น สิ่งที่ทำได้ง่ายดายคือ นายกฯ และรัฐมนตรี ควรเสียสละโดยไม่รับเงินเดือน ประกอบกับแต่ละกระทรวง ควรรื้อการใช้จ่ายงบประมาณกันใหม่ โดยเฉพาะงบก่อสร้าง หรืองบอื่นที่ยังไม่จำเป็นในช่วงโควิดระบาด ต้องหยุดหรือระงับไว้เสียก่อน
“ในสถานการณ์โควิด เราจะผ่านไปด้วยกันได้ถ้ารัฐบาลรับผิดชอบเยียวยาประชาชน แต่ถ้าปล่อยให้ผ่านเลยแบบธรรมชาติ รัฐบาลก็จะพังแบบธรรมชาติ และพังแบบคาดไม่ถึง เมื่อไม่แก้ปัญหาประชาชน การรักษาอำนาจก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นความจริง และรัฐบาลต้องยอมรับด้วย”
นายจตุพร กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิดครั้งสองนี้ รุนแรงกว่าครั้งแรก รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจก็บอบช้ำ เกิดความยากลำบากเดือดร้อนของประชาชนทับถมเป็นสองเท่า ดังนั้น สภาพแบบนี้แค่เวลา 3 เดือนก็อยู่กันยากแล้ว ด้วยสิ่งนี้ รัฐบาลจึงต้องคิด เนื่องจากความจนสั่งสมเป็นสองเท่า และอีกระยะหนึ่งจะเกิดความโกลาหลขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินใจอะไรก่อนหลัง จะเอาก่อสร้างก่อนหรือเลือกชีวิตของประชาชนก่อน
รวมทั้ง ภายในสถานการณ์นี้ รัฐบาลต้องคิดอ่าน อย่าให้คนไทยคิดว่า รัฐเป็นภาระของประชาชน และอย่าให้คนไทยตั้งคำถามว่ารัฐบาลมีไว้ทำไม อีกอย่าง ถ้ารัฐบาลพูดแค่ว่า ไม่มีเงินหรือการเยียวยาเป็นภาระ ถ้าคิดได้แค่นี้อย่ามาเป็นรัฐบาล แต่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ เพราะกลไกรัฐทำการ์ดตกเสียเอง แล้วสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจึงต้องรีบรับผิดชอบเยียวยา เนื่องจากประชาชนไม่ได้ทำผิดอะไร
“ใน 3 เดือนนับจากนี้ ถ้ารัฐบาลปล่อยให้เป็นไปตามสภาพแบบนี้ ผมคิดว่าประชาชนจะทนความจนไม่ได้ และคนจะไม่กลัวโควิด แล้วจะออกมาไล่รัฐบาล ต่อให้รัฐบาลแข็งแรงแค่ไหนก็อยู่ไม่ได้ เพราะคนไทยทนไม่ได้กับรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้ความรับผิดชอบ วันนั้นจะได้รู้ว่านรกมีจริง เมื่อเป็นเรื่องท้าทายแล้วประชาชนจะออกมาจัดการ ถ้าประชาชนอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่รอด แม้จะมี พรก.ห้ามชุมนุมก็ตาม”
ส่วนข่าวปลอมที่ออกมาทำลายนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ไม่เกินสัปดาห์หน้าจะแจ้งความเอาผิดอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งตำหนิขบวนการที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่กลับทำข่าวเท็จใส่ร้ายคนอื่น ซึ่งถือเป็นสิ่งชั่วร้าย เลวทรามอย่างยิ่ง
“เมื่อใช้ความเท็จมาสู้กับผม บอกได้เลยว่า ล้มผมไม่ได้ และถ้าถูกแจ้งความอย่ามาโวยวายใส่กัน ขอเตือนไว้ว่า การเอาความเท็จมาล้มผม จะไม่มีวันชนะผมได้แน่”
พร้อมทั้งกล่าวถึงทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ นำข่าวเท็จมาพูดว่า ตนจะไปจัดรายการที่ TOP TV รวมถึงถ่ายรูปกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น โดยทั้งหมดที่พูดมาล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น ตนจึงฝากเตือนกันไว้