“จตุพร”ปราศรัยทิ้งทวนช่วย“บุญเลิศ”เย็นนี้ที่ยิมเนเซียน สนาม 700 ปี ยันหยัดยืนกับสิ่งถูกต้อง ไม่ก้มหัวให้คนทำลายกระบวนการยุติธรรมคดีบอส กระทิงแดง ย้ำพรรคไม่ตอบ “พ.กับ ช.” คนเดียวกันหรือไม่ เหน็บเสื้อแดงจะเอาเกียรติภูมิไปรับรองคนชั่วหรือ? แขวะไม่อายวิญญาณต่อสู้อยุติธรรมจนตาย บาดเจ็บหรือ? เชื่อมั่นความจริงได้ชัยชนะเป็นนิรันดร์ ส่วนความเท็จเป็นสิ่งจอมปลอม
เมื่อ 18 ธ.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ว่า กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ซึ่งเป็นการเมืองท้องถิ่นพร้อมพวกตนจะเปิดเวีปราศรัยหาเสียงนัดสุดท้ายที่ยิมเนเซียน สนามกีฬา 700 ปี เวลา 16.00 น. โดยตนยืนยันจะพูดถึงความจริง ที่พูดมาตลอด และเชื่อว่าความจริงจะชัยชนะที่สง่างามและเป็นนิรันดร์
“ถึงอย่างไรตนก็ยังหวังว่า ความจริงจะได้รับชัยชนะ ถ้าความเท็จได้ชัยชนะก็เป็นชัยชนะจอมปลอมเท่านั้น ซึ่งได้เห็นสิ่งจอมปลอมมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นชัยชนะเป็นนิรันดร์ต้องเป็นชัยชนะสง่างาม ที่เป็นความจริง”
นายจตุพร กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองที่ยึดความจริง ความถูกต้องมาตลอดชีวิตนั้น ทำให้ต้องเลือกความชัดเจนและเด็ดขาด ดังนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่ของตน สามารถต่อสู้ได้อีกเพียงครั้ง ซึ่งมีความหมาย จึงไม่ต่อสู้แบบเอาความสะใจเป็นตัวตั้ง
สำหรัยกหัวข้อ “เหยื่ออธรรม” โดยตนยืมชื่อวรรณกรรมแปลที่โด่งดังมาตั้งเป็นประเด็นการพูดถึงการเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ เพื่อจะบอกว่า ตนไม่เคยไปหาแกนนำเสื้อแดงในเชียงใหม่ให้มาช่วยหาเสียงเลย เพราะมีความเชื่อว่า การเติบโตของเสื้อแดงมาจากการต่อสู้ในเรื่องสองมาตรฐาน ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย จนบาดเจ็บล้มตายอย่างมาก
อีกอย่างการต่อสู้ที่เชียงใหม่ในด้านหลักนั้น เป็นต่อสู้กับความอยุติธรรม โดยเกิดจากคนที่มีลักษณะเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกับคดีบอส กระทิงแดง ซึ่งเป็นคดีที่มีความเลวร้ายของสังคมจากขบวนการช่วยสร้างหลักฐานพยานเท็จมาความเสียหายและทำลายกระบวนการยุติธรรม
โดยในช่วงหนึ่งสื่อมวลชนและคณะกรรมการสอบสวนชุดนายวิชา มหาคุณ ระบุตรงกันว่า พยานเท็จที่ชื่อ นายจารุชาติ มาดทอง นั้นเป็นคนใกล้ชิดของ ส.ว.คนหนึ่งชื่อย่อว่า ช. แม้มีการเปลี่ยนชื่อจริงและเล่นใหม่แล้ว แต่ตนถามพรรคหนึ่งว่า นาย ช.กับ นาย พ.เป็นคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีใครชี้แจ้ง
อีกทั้ง สังคมสงสัยความตายของนายจารุชาติ พยานเท็จรายนี้จากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ในเชียงใหม่ โดยการสอบสวนชุดนายวิชา กังขาว่า เป็นการตัดตอนหรือไม่ จึงต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงกันให้กระจ่าง
นายจตุพร กล่าวว่า ตนต่อสู้กับความอยุติธรรมาทั้งชีวิต และในกรณีคดีบอสนั้น ถ้าตนเห็นด้วยกับคนต้องสงสัยเกี่ยวพันกับการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนต้องเป็นพวกนักประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนี้ ถามว่าไม่อายศพคนเสื้อแดงที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมหรือ? ดังนั้น ตนจึงยืนยันจุดยืนเหมือนเดิม คือ ไม่เห็นด้วยกับคนทำลายกระบวนการยุติธรรม
“ผมบอกว่า ควรอับอายดวงวิญญาณวีรชน และเกียรติภูมิ เกียรติยศทั้งหมดของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายมากมายนั้น เพื่อลูกหลานกระทิงแดงหรือ?”
รวมทั้ง ในหลักการประชาธิปไตยพรรคต้องเลือกคนดี ไม่ไช่เลือกคนชั่วแล้วมาฟอกให้เป็นคนดี แล้วต้องให้ตนไปยอมรับด้วยอย่างนั้นหรือไร และจะเอาเกียตริภูมิคนเชียงใหม่ไปคุ้มครองหรืออย่างไร อีกอย่าง ตนเคยบอกว่า ไม่ควรมาถึงจุดนี้เลย ถ้าอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร บอกไม่ให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ลง เขาก็ไม่ลง แต่ที่เขาติดคุก แล้วเจ๊ไปชูมือหนุนอีกคน ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ เราจึงทนเห็นสภาพเหยื่ออธรรมแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้”
อีกอย่าง ตนชิงชังคนชั่วที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม ตนเป็นแบบนี้มาก่อนที่จะเป็นคนเสื้อแดงเสียอีก ส่วนตำแหน่งประธาน นปช. นั้น ตนไม่สนใจใยดี แต่หวังว่า สักวันหนึ่งคงจะได้รับรู้กัน ตนเชื่อมั่นในความจริงจะได้ชัยชนะ ส่วนความเท็จเป็นสิ่งปลอมเท่า แม้ได้ชัยชนะก็ไม่นิรันดร์
“ผมไม่อาจปล่อยให้คนชั่วครองเมือง หรือเหยียดบันได อบจ.ได้ แม้รู้ว่าคนชั่วตัวใหญ่ แต่ต้องสกัด ถึงรู้ว่าจะมีความเดือดร้อนอีกครั้งหนึ่งก็ตาม ดังนั้น ผมจึงต้องกล้ายืนหยัด เพื่อไม่ให้คนชั่วลอยนวล”