นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงปัญหาที่ทางคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ ต้องกลับไปพิจารณา คือ การที่มีกรรมาธิการไม่ครบทุกฝ่าย และต้องเข้าใจว่ามีหน้าที่ในการศึกษาในกรอบระยะเวลาสั้นๆเพียง 30 วัน ซึ่งผลการศึกษาที่ออกมา ต้องไม่ใช่การจะล้มร่างใดร่างหนึ่ง แต่การหารือในคณะกรรมาธิการฯ จะได้ผลดีกว่าการถกเถียงในห้องประชุมรัฐสภา โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่พรรคการเมืองบางพรรค ไม่ได้เข้าร่วมในคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ เพราะหากได้เข้าร่วมก็จะได้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งในแต่ละร่าง และนำไปสู่การแก้ไข ทั้งนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ก็เพื่อต้องการให้เคลียร์ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการลงมติรับหลักการ พร้อมยืนยันว่า แม้จะไม่มีพรรคฝ่ายค้านมาร่วมด้วย แต่ร่างก็ไม่ตกไป เพราะต้องรอการลงมติรับหลักการวาระแรก ซึ่งในตอนนั้นก็จะเห็นเค้าลางว่าร่างใดจะได้รับความเห็นชอบ และมีข้อสังเกตอย่างไร
ส่วนกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของกลุ่มไอลอว์ ยอมรับว่า ต้องศึกษาและตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะการเสนอกฎหมายที่ผ่านมา มักเจอปัญหาเรื่องรายชื่อของภาคประชาชน ดังนั้น หากร่างของไอ้งลอว์ตรวจสอบได้ไม่ทัน ก็จะต้องเร่งนำ 6 ฉบับเดิม เข้าสู่ที่ประชุมก่อน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนและแต่ละฝ่ายคงไม่ยอมให้มีการเลื่อนอีก
ขณะเดียวกัน ประธานวุฒิสภายังกล่าวถึงกรณีการจะแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาใหม่แทนตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพเดิม จะต้องให้บุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งแสดงคุณสมบัติให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องของการถือครองหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานของรัฐ รวมถึงการถือครองหุ้นสื่อ ที่จะต้องไปจัดการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อน โดยหากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง