นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ รองประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า กรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติเสียงข้างมากให้ ตั้งคณะกรรมาธิการ 3 ฝ่าย โดยกำหนดเวลาศึกษา 30 วัน ก่อนที่จะนำกลับเข้ามาสู่ ที่ประชุมสภาในเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาทั้ง 750 คนมีมติว่าจะ รับหลักการหรือไม่รับหลักการ ในญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ที่น่าสนใจคือ แม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ทั้ง 500 คนจะมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 คน เห็นชอบด้วยถึงจะดำเนินการได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนบังคับไว้ ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้ว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านคงถูกตีตก หรือ คว่ำญัตตินี้ในที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมหน้า และรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไม่ได้เลย แม้ส.ว.บางส่วนอภิปรายว่าเห็นด้วยที่จะแก้ แต่พอลงมติเสียงส.ว.ไม่แตกแถว อาจจะมีผู้มีอำนาจสั่งการให้ส.ว.ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน
“สุดท้าย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการผู้แทนที่มาจากประชาชน ต้องการได้ผู้แทนที่มาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นผลที่ตามมาคือประเทศก็จะวุ่นวายต่อไปไม่รู้จบ เพราะพลเอกประยุทธ์ต้องการนักการเมืองที่มาจากการลากตั้ง เพราะคุมง่ายและสั่งได้ตามใจผู้มีอำนาจ ไม่สนใจนักการเมืองที่มาจากเสียงของประชาชน”นายสมคิดกล่าว