“วิษณุ” ยัน รัฐบาลทำตามกฎหมาย ไม่เคยคุกคามประชาชน ไม่เช่นนั้นคงออกมาชุมนุมไม่ได้ เผย แก้รัฐธรรมนูญเป็นไปตามกระบวนการ ย้ำรัฐบาลคาดคะเนวันลงประชามติตามปฎิทินรัฐบาลอยู่แล้ว

Highlight, การเมือง
21 กันยายน 2020

นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรีปฎิเสธตอบข้อกฎหมายกรณี​การชุมนุม​ใหญ่​ 19-20​ กันยายน​ ของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์​ ที่ผ่านมาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะพิจารณา​ตามความเหมาะสม​เช่นเดียวกับ​ ท่าทีของพรรคฝ่ายค้านที่แสดงออกร่วมกับการชุมนุมด้วย​ รวมทั้งไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาการปราศรัย​บนเวทีในทุกกรณี​ และส่วนตัวทราบข้อเรียกร้องทั้งหมด​ผ่านสื่อ​ ที่ได้มีการยื่นไปยังองคมนตรี​ ผ่าน พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล​ บช.น.​ แล้ว​ และไม่ทราบว่ามีข้อเรียกร้องมายังรัฐบาลหรือไม่​ แต่ในบางเรื่องในข้อเรียกร้องก็มีความเป็นไปได้​ อาทิ​ การหยุดคุกคาม​ประชาชน​ เพราะรัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายมา​โดยตลอด​จึงถือว่าไม่เป็นการคุกคามประชาชน​ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่สามารถชุมนุมและปราศรัย​เช่นนี้ได้  เช่นเดียวกับประเด็นข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะมีการเข้าสู่กระบวนการสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ ตามกระบวนการและจะเร็วไปกว่านี้ไม่ไก็​ เนื่องจากต้องมีการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะต้องมีพระราชบัญญัติรองรับโดยขณะนี้เองกฤษฎีกาก็เร่งทำงานเพื่อตรวจร่างพระราชบัญญัติให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะส่งไปยังรัฐสภาให้ทันในสมัยการประชุมหน้าในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมทั้งการมี สสร. ผ่านสภาแล้วก็จะต้องหยุดนิ่งเอาไว้ก่อนและยังไม่สามารถนำไปสู่การทำประชามติได้เพราะจะต้องรอกฎหมายประชามติก่อน ขอให้เข้าใจกระบวนการ 2 กระบวนการคู่กัน คือ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำคู่กับสภา และกระบวนการออกกฎหมายประชามติซึ่งจะต้องทำในรัฐสภาเช่นกัน​ นายวิษณุยังยืนยันว่า​ มีการประเมินวันเวลาลงประชามติตามปฏิทิน​หลัง กระบวนการเสร็จสิ้น

นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเคาะให้เหลือร่างเดียวเพราะหลักการมีต่างกัน

1.คือร่างของพรรคเพื่อไทย

2.ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นการแก้ไขชุดใหญ่นั้นคือการให้มี สสร. และมีอีก 4 ฉบับที่เป็นการแก้รายมาตรา และอีกหนึ่งฉบับซึ่งเข้าใจว่า สภาต้องใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อร่างของประชาชนอีก โดยตอนนี้มีทั้งหมด 6 ร่าง ซึ่งทั้งหมดสามารถพิจารณารวมกันได้ แต่เมื่อถึงเวลาลงมติต้องลงมติแยกกัน ฉบับไหนผ่านก็คือผ่าน ซึ่งจะต้องเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยเรียกชื่อ ใช้เวลาฉบับละ 2 ชั่วโมง โดยการพิจารณาจะใช้เวลาที่ยาวนานมาก ดังนั้นจะต้องควบคุมเวลาให้ดี ขณะที่การตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ เพราะมีร่างอยู่หลายฉบับ ถ้าสภาเห็นพ้องยังไม่ต้องรีบ ก็อาจจะต้องนำบางประเด็นไปศึกษา เพราะเป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำกัน

ส่วนข้อเรียกร้องการยุบสภาและให้รัฐบาลลาออกนั้น นายวิษณุ ถามว่ากลับว่า จะให้อะไรเกิดก่อนกัน เพราะหากทำบางข้อเรียกร้องไปก่อน ข้อเรียกร้องบางข้อก็ไม่สามารถทำได้ เช่น รัฐบาลลาออก รัฐสภาเดินต่อได้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยที่ยังไม่เห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังนั้นจะต้องกลับไปใช้กระบวนการอย่างเดิมที่ทุกคนไม่พอใจ ส่วนข้อเรียกร้องยุบสภากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ล้มไป ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งใน 45-60 วัน

บทความที่เกี่ยวข้อง