นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีปฎิเสธตอบข้อกฎหมายกรณีการชุมนุมใหญ่ 19-20 กันยายน ของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ ที่ผ่านมาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมเช่นเดียวกับ ท่าทีของพรรคฝ่ายค้านที่แสดงออกร่วมกับการชุมนุมด้วย รวมทั้งไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาการปราศรัยบนเวทีในทุกกรณี และส่วนตัวทราบข้อเรียกร้องทั้งหมดผ่านสื่อ ที่ได้มีการยื่นไปยังองคมนตรี ผ่าน พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บช.น. แล้ว และไม่ทราบว่ามีข้อเรียกร้องมายังรัฐบาลหรือไม่ แต่ในบางเรื่องในข้อเรียกร้องก็มีความเป็นไปได้ อาทิ การหยุดคุกคามประชาชน เพราะรัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอดจึงถือว่าไม่เป็นการคุกคามประชาชน ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่สามารถชุมนุมและปราศรัยเช่นนี้ได้ เช่นเดียวกับประเด็นข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะมีการเข้าสู่กระบวนการสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ ตามกระบวนการและจะเร็วไปกว่านี้ไม่ไก็ เนื่องจากต้องมีการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะต้องมีพระราชบัญญัติรองรับโดยขณะนี้เองกฤษฎีกาก็เร่งทำงานเพื่อตรวจร่างพระราชบัญญัติให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะส่งไปยังรัฐสภาให้ทันในสมัยการประชุมหน้าในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมทั้งการมี สสร. ผ่านสภาแล้วก็จะต้องหยุดนิ่งเอาไว้ก่อนและยังไม่สามารถนำไปสู่การทำประชามติได้เพราะจะต้องรอกฎหมายประชามติก่อน ขอให้เข้าใจกระบวนการ 2 กระบวนการคู่กัน คือ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำคู่กับสภา และกระบวนการออกกฎหมายประชามติซึ่งจะต้องทำในรัฐสภาเช่นกัน นายวิษณุยังยืนยันว่า มีการประเมินวันเวลาลงประชามติตามปฏิทินหลัง กระบวนการเสร็จสิ้น
นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเคาะให้เหลือร่างเดียวเพราะหลักการมีต่างกัน
1.คือร่างของพรรคเพื่อไทย
2.ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นการแก้ไขชุดใหญ่นั้นคือการให้มี สสร. และมีอีก 4 ฉบับที่เป็นการแก้รายมาตรา และอีกหนึ่งฉบับซึ่งเข้าใจว่า สภาต้องใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อร่างของประชาชนอีก โดยตอนนี้มีทั้งหมด 6 ร่าง ซึ่งทั้งหมดสามารถพิจารณารวมกันได้ แต่เมื่อถึงเวลาลงมติต้องลงมติแยกกัน ฉบับไหนผ่านก็คือผ่าน ซึ่งจะต้องเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยเรียกชื่อ ใช้เวลาฉบับละ 2 ชั่วโมง โดยการพิจารณาจะใช้เวลาที่ยาวนานมาก ดังนั้นจะต้องควบคุมเวลาให้ดี ขณะที่การตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ เพราะมีร่างอยู่หลายฉบับ ถ้าสภาเห็นพ้องยังไม่ต้องรีบ ก็อาจจะต้องนำบางประเด็นไปศึกษา เพราะเป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำกัน
ส่วนข้อเรียกร้องการยุบสภาและให้รัฐบาลลาออกนั้น นายวิษณุ ถามว่ากลับว่า จะให้อะไรเกิดก่อนกัน เพราะหากทำบางข้อเรียกร้องไปก่อน ข้อเรียกร้องบางข้อก็ไม่สามารถทำได้ เช่น รัฐบาลลาออก รัฐสภาเดินต่อได้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยที่ยังไม่เห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังนั้นจะต้องกลับไปใช้กระบวนการอย่างเดิมที่ทุกคนไม่พอใจ ส่วนข้อเรียกร้องยุบสภากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ล้มไป ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งใน 45-60 วัน