นายคมกฤช สันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยในงานแถลงข่าวการพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือนก.ย.-ธ.ค.63 ว่า กกพ.มีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร(ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บเดือนก.ย.-ธ.ค. 63 ลงอีก 0.83 สตางค์ต่อหน่วย หรือทำให้มีการเรียกเก็บค่าเอฟทีในช่วงดังกล่าวเป็น -12.43 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่แท้จริง โดยลดลงจากเดิมเรียกเก็บที่ -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้นส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.63 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สาเหตุหลักของการปรับลดค่าเอฟทีงวดนี้ เนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงก่อนหน้านี้ และมีผลในงวดปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กกพ. ยังคงต้องประเมินปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลในทางลบ และเป็นภาระต่อการประมาณการค่าเอฟทีในงวดถัดไป
สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟที ในงวด ก.ย. – ธ.ค. 2563 ประกอบด้วย
1.ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2563 เท่ากับประมาณ 58,910 ล้านหน่วย ปรับลดลงจากช่วงเดือน พ.ค.- ส.ค. 63 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 69,920 ล้านหน่วย หรือลดลง 15.75% ในขณะที่ความต้องการพลังงานไฟฟ้ารวมในปี 63 อยู่ที่ประมาณ 193,706 ล้านหน่วย ลดลง 1.62% จากปี 62 ซึ่งอยู่ที่ 196,896 ล้านหน่วย
2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 63 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 51.13% ถ่านหิน17.97% และการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 20.15% อื่นๆ 10.75%
3. สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยรวมราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยแต่ละประเภทลดลงจากงวดที่ผ่านมา ตามการปรับลดลงของภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง
4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1 – 31 พ.ค. 63) เท่ากับ 32 บาท/ดอลล่าห์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากประมาณการในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 2563 ที่ประมาณการไว้ที่ 31.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บประจำเดือนก.ย. – ธ.ค. 63 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 กรกฎาคม 2563 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป