“ศรีสุวรรณ” ชี้ คณะทำงานแก้การพนันฯ ตั้ง “เสี่ยโป้” เป็นที่ปรึกษาส่อขัดจริยธรรม

Highlight, การเมือง
28 สิงหาคม 2020

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์ ในคณะกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เชิญ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ และนายอภิรักษ์ ชัยอานนท์ หรือเสี่ยโป้ มาให้ข้อมูล และปรึกษาหารือเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาการพนันโดยให้เหตุผลว่าทั้ง 2 คน เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความชำนาญในเรื่องการพนัน จึงเชิญมาให้ข้อคิดเห็นนั้น

พ.ต.ท.สันธนะนั้น เป็นอดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ในวงการสีกากี ใครๆต่างรู้จักดี เพราะมีประวัติโชกโชน และเกี่ยวข้องกับกิจการสีเทาหลายเรื่อง เคยถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหามีคดีความอยู่ในศาลหลายคดี ทั้งเรื่องสนามม้า และกรณีตลาดใหม่ดอนเมือง
ส่วนนายอภิรักษ์ หรือเสี่ยโป้นั้น ในโลกโซเชียลต่างรู้จักดี โดยเฉพาะพวกเวบพนันออนไลน์ทั้งหลายที่จ้างสาวๆที่เป็นไอดอลทั้งหลายมาช่วยโปรโมทกันอย่างหนักในขณะนี้ แต่ตำรวจด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศมองไม่เห็น จนกระทั่งเมื่อวานประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส., เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง, เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน, เครือข่ายลมหายใจไร้มลทิน รวมตัวกันกว่า 30 คน ไปยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินการกับเน็ตไอดอลชื่อดังจำนวนกว่า 200 คน ในข้อหาโฆษณาชักชวนเล่นการพนัน

สภาผู้แทนราษฎร เป็นสถานที่อันทรงเกียรติของชาติ เป็นฝ่ายนิติบัญญัติและตรวจสอบฝ่ายบริหาร การที่ประธานคณะทำงานพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาบ่อนการพนัน และการพนันออนไลน์เชิญบุคคลที่คนทั้งประเทศต่างรู้ดีว่าทำธุรกิจที่ส่อผิดกฎหมายและขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม มาให้ข้อมูลและปรึกษาหารือ โดยอ้างว่าเพื่อเลียนแบบภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง Catch Me if You Can หรือชื่อไทยคือ จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง เป็นคนละกลวิธี ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกรรมาธิการที่จะทำเหมือน FBI ได้

“แต่ที่แน่ๆ มีการพูดคุยกันถึงขั้นจะเชิญเสี่ยโป้มาเป็นที่ปรึกษาคณะทำงานฯอย่างเป็นทางการนั้น หาชอบด้วยไม่ เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 โดยชัดแจ้ง โดยเฉพาะในข้อ 29 ที่ระบุว่า “ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่” รวมทั้งต้องยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง หาก กมธ.ชุดดังกล่าวอยากท้าทายก็เดินหน้าตั้งเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการต่อไป เดี๋ยวสมาคมฯจะไปร้องสอบเอาผิดกรรมาธิการและคณะทำงานทั้งชุดเอง เพราะสุภาษิตไทยเขาบอกไว้ว่า คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้น” นายศรีสุวรรณ กล่าว

บทความที่เกี่ยวข้อง