“ดร.รยุศด์” ระบุ จะเป็นผู้นำที่เก่งหรือไม่ ต้องดูในช่วงวิกฤต เสนอ 3 แนวทาง เปิดเวทีเชิญตัวแทนผู้ชุมนุม ประมุข 3 ฝ่าย ประธานองคมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านฯ ร่วมหาทางออก หากทำไม่ได้ แนะนายกฯลาออก หรือ ยุบสภา ก่อนลุกลามเป็นความขัดแย้งรอบใหม่อาจใหญ่และแรงกว่าเดิม
ดร.รยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวว่า จากการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่มาพร้อมกับข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และเห็นต่าง ทำให้สังคมแบ่งแยกความคิดออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ตนจึงอยากให้สังคม ผู้มีอำนาจ และรัฐบาล เปิดพื้นที่รับฟังอย่างกว้างขวาง มีเหตุมีผล เพื่อให้พื้นที่ความเห็นต่างของคนรุ่นใหม่นี้ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนา ขับเคลื่อน และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับประเทศ มากกว่าจะเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งขึ้นมารอบใหม่
ดร.รยุศด์ กล่าวต่อว่า อดีตที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำและสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพราะด้วยวงจรอุบาทว์และวงจรความขัดแย้งที่มีขึ้นไม่รู้จบ แบ่งแยกคนและประเทศเป็นสีต่างๆ เมื่อความขัดแย้งรุนแรงบานปลายรุนแรงขึ้น ก็เป็นสาเหตุทำให้กองทัพใช้เป็นข้ออ้างทำรัฐประหาร แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แต่ก็เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมเพื่อสืบทอดอำนาจเท่านั้น จากวิกฤตการณ์การเมืองในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ตนอยากให้สังคม และผู้มีอำนาจได้เข้าใจถึงปรากฎการณ์การชุมนุมที่กำลังเกิดขึ้น หากไม่สามารถบริหารจัดการ และถอดบทเรียนได้ วิกฤตรอบใหม่อาจจะใหญ่ และรุนแรงกว่าเดิม
ด้วยข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มาไกล และเกี่ยวพันกับสิ่งที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน อีกทั้งบริบททางสังคมปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่มีความสนใจ และตื่นตัวกับปัญหาบ้านเมืองมากขึ้น รัฐบาลและนักการเมืองเองก็ไม่อาจเป็นความหวังของสังคมและประชาชนได้ การชุมนุมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ครั้งนี้ นอกจากพวกเขาต้องการเห็นอนาคตที่ดีขึ้น แต่ยังได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าท้าทายขนบทำเนียม และวิถีการชุมนุมแบบเดิมๆที่เคยมี พร้อมกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นพลัง และแรงขับเคลื่อนสร้างแนวร่วมได้อย่างกว้างขวาง ถือเป็นก้าวใหม่ในประวัติศาสตร์การชุมนุมทางการเมืองของไทย
ดร.รยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า ตน และพรรคสามัคคีไทย ขอเสนอ 3 แนวทาง ที่อยากฝากตรงไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศ ซึ่งท่านจะฟังหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสะท้อนเสียงของคนหนุ่มสาว ไปยังผู้มีอำนาจ และรัฐบาล
ข้อที่ 1. รัฐบาลต้องเปิดเวทีอย่างเร่งด่วนและทำทันที นายกรัฐมนตรีต้องเป็นเจ้าภาพเท่านั้น ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าขณะนี้พลเอกประยุทธ์ กำลังรออะไร เพราะวิกฤตเช่นนี้จะรอแม้แต่วันเดียวก็ไม่ได้ ผู้นำจะดูว่าเก่งหรือไม่ต้องดูในช่วงวิกฤต ดังนั้น ตนเสนอให้ท่านเชิญตัวแทนผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาจากสถาบัน ต่างๆ โดยมี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานองคมนตรี ประธานศาลฎีกา และผู้นำฝ่ายค้านฯ ร่วมรับฟังและหาทางออกร่วมกัน ซึ่งอาจจะต้องมองข้ามมิติพรรคการเมืองไปก่อน
ข้อที่ 2.เมื่อรับฟังข้อเสนอ และข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุม รัฐบาลต้องนำไปสู่การปฎิบัติอย่างชัดเจน จะใช้กลไกลรัฐสภา ตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ หรือกระบวนการอื่นๆ ที่สามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับสังคมทุกฝ่ายก็ได้
ข้อ 3.หากพลเอกประยุทธ์ และรัฐบาล ไม่สามารถทำได้ ตามแนวทางข้อ 1 และข้อ 2 ตนขอเสนอให้ท่าน ลาออก หรือยุบสภาให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง เพราะท่านอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะการบริหารประเทศในภาวะปกติท่านยังมีปัญหา ยิ่งในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ วุฒิภาวะความเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหายิ่งต้องมีมากกว่า ดังนั้น ท่านต้องเสียสละ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะเปิดโอกาสให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
“วิกฤตครั้งนี้เกี่ยวพันหลายฝ่าย อาจใหญ่และรุนแรงกว่าทุกครั้ง ตนไม่อยากให้บ้านเมืองต้องเดินกลับไปสู่จุดเดิมอีก ประเทศเสียทั้งโอกาสในการพัฒนา เสียทั้งประชาธิปไตย ประชาชนไม่ได้อะไร และไม่รู้ว่ากองทัพจะฉวยโอกาสใช้เป็นเงื่อนไขก่อรัฐประหารอีกหรือไม่ วิกฤตครั้งนี้ใหญ่หลวงมากนัก ผู้นำจะเก่งหรือไม่ก็ต้องดูกันตอนนี้ ” ดร.รยุศด์ กล่าว