รมว.พลังงาน ลั่นขอเวลา 30 วัน ออกเกณฑ์รับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชน เล็งปรับราคารับซื้อโซลาร์ชุมชน หวังช่วยกระตุ้นการลงทุน คาดไม่เกิน 1 ปี ได้ข้อสรุปการเป็นศูนย์กลางจำหน่ายไฟฟ้าไปยังอาเซียน

Highlight, สังคม
20 สิงหาคม 2020

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานแถลงข่าว Emparth Based Economy workshop ของภาคพลังงาน ว่า จากนี้จะใช้ระยะเวลา 30 วัน ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน โดยโครงการดังกล่าวไม่จำเป็นที่จะต้องแก้ไขหลักเกณฑ์แผน PDP 2018 แต่สามารถแทรกเรื่องดังกล่าวให้อยู่ในแผน PDPได ้ขณะเดียวกันเตรียมปรับราคารับซื้อไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ชุมชน เพื่อให้เกิดแรงจูงใจกระตุ้นให้คนลงทุน และช่วยสรางรายได้ให้กับหลายภาคส่วน

กรณีที่ประเทศไทยมีปริมาณสำรองเกิน 40% ซึ่งทางกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และเอกชนไปศึกษาการขยายโครงข่ายสายส่งไปยังกลุ่มประเทศภูมิภาค คาดจะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายไฟฟ้าระหว่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะเข้าไปดูและและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประเทศกัมพูชา และเมียนมา ที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและขาดเม็ดเงินในการลงทุน

ขณะเดียวกันการลงทุนในโรงไฟฟ้าของประเทศจะเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานไฮโดร เนื่องจากมีต้นทุนทางพลังงานต่ำ

สำหรับการเปิดสัมปทานแหล่งผลิตและสำรวจในพื้นที่ใหม่นั้น จะต้องดูความต้องการของผู้ที่สนใจจะเข้าลงทุน โดยมองว่าขณะนี้ทิศทางพลังงานอยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นโอกาสที่จะมีผู้สนใจลงทุน ส่วนในกรณีแหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช จะเร่งดำเนินการเป็นตัวกลางให้เกิดการเปลี่ยนผ่านระหว่างผู้รับสัมปทานรายเดิมกับผู้รับสัมปทานรายใหม่ นอกจากนี้ยังมีนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งเจรจาเพื่อหาทางออกในพื้นที่แหล่งปิโตรเลียมทับซ้อนระหว่างประเทศไทย และประเทศกัมพูชา

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า การทำงานนโยบายด้านพลังงาน จะเน้นนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ สร้างงาน รวมถึงวางรากฐานเพื่ออนาคตด้านพลังงานของประเทศ โดยจะเน้นการลงมือทำให้สำเร็จ ซึ่งได้มอบหมายให้ทำบริหารตามแผนระยะ 5 ปี ที่กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน และเพื่อให้ติดตามได้อย่างใกล้ชิด

สำหรับโครงการต่อเนื่องยังคงเดินหน้าต่อไป เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้มีรูปแบบการดำเนินโครงการที่สร้างความมั่นใจ ว่าเกษตรกรหรือชุมชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวมทั้งการส่งเสริม น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น แก๊สโซฮอล์ E20 หรือ B10 จะต้องช่วยให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์ และมีมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มที่จะใช้ในภาคพลังงาน รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นกลไกขับเคลื่อน

บทความที่เกี่ยวข้อง