พาณิชย์เตือนธุรกิจปรับกลยุทธ์ส่งออก หลัง WTO คาดปี 2563 การค้าสินค้าโลกหดตัว 13-32% และปีหน้ายังยากที่จะฟื้นตัว ชี้ต้องให้ความสำคัญกับตลาดที่มีศักยภาพและมีการแพร่ระบาดโควิดในอัตราที่ต่ำ เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19เป็นปัจจัยกดดันการค้าโลก ซึ่งองค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่าในปี 2563 การค้าสินค้าของโลกจะหดตัว 13-32% ปัจจุบันสถานการณ์การค้าโลกมีความไม่แน่นอนสูง และการฟื้นตัวในปีหน้าก็ยังยากที่จะคาดเดา

ทั้งนี้สนค.เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ดังนั้นกลยุทธ์การส่งออกควรให้ความสำคัญกับตลาดศักยภาพที่มีแนวโน้มฟื้นตัวก่อนโดยการพิจารณาตลาดศักยภาพสามารถพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิเป็นประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อในอัตราที่ต่ำลงจนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับดำเนินการได้อีกครั้ง เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกงและเกาหลีใต้

“ในส่วนของธนาคารโลกก็ได้ออกรายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจล่าสุด ในปี 2563โดยระบุว่าประเทศที่ยังคงสามารถรักษาระดับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับบวกได้และคาดการณ์ว่าจะเป็นประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ จีน เวียดนามเมียนมา ลาว และบางประเทศในแอฟริกา”

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น แม้การส่งออกในภาพรวมจะหดตัวแต่หดตัวในอัตราที่ลดลง และสินค้าบางรายการยังสามารถรักษาระดับการเติบโต โดยเฉพาะสินค้าอาหาร และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home)เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป

อย่างไรก็ตาม การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้าในปัจจุบันและช่วงหลังโควิด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ส่งออกยังต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจและการค้าให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคNew Normalเพื่อหาจุดขายใหม่ๆ ให้แก่สินค้าและบริการ จะทาให้สามารถรักษาฐานตลาดเดิม และชิงส่วนแบ่งจากตลาดใหม่ได้ต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง