“จตุพร” ให้ความเห็น กมธ.สร้างปรองดอง เตือนนักศึกษายึดมั่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อย่าก้าวล่วงสถาบัน หวั่นมีจุดจบเหมือน 6 ตุลา 19

Highlight, การเมือง
23 กรกฎาคม 2020

นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้รับเชิญจากอนุกรรมาธิการศึกษา ทบทวน การปฏิรูปกฎหมาย ในคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่เชิญบุคคลจากหลายฝ่ายทั้งกลุ่มพันธมิตร ,กปปส. และ นปช. รวมถึงวุฒิสภา และผู้แทนรัฐบาล ที่เป็นคู่ขัดแย้งในอดีต เพื่อมาให้ความเห็นสร้างความปรองดอง สมานฉันท์คนในชาติ เพื่อลดความเกลียดชัง

 

นายจตุพร ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงที่หลายฝ่ายสนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรม แต่เห็นว่า ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์การนิรโทษกรรมหลายครั้ง โดยเฉพาะการนิรโทษกรรมรัฐประหาร และกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศบ้านเมือง ลดความขัดแย้ง แต่ความขัดแย้งในวันนี้ เปลี่ยนไปไม่เหมือนอดีต และสภาพการประเทศไทย ยังประสบความลำบากทางเศรษฐกิจ สังคมมีความโหดร้าย ฉะนั้น สถานการทางการเมือง จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าแต่ละฝ่ายยังยึดความเชื่อของตนเอง พร้อมขอให้แต่ละฝ่าย รักษาไว้ซึ่งชาติ บ้านเมือง

 

ทั้งนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษาว่า เป็นการแสดงออกของคนหนุ่มสาว และขอให้นักศึกษาที่ออกมาชุมนุมนั้น จะต้องยึดถือข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้ออย่างเคร่งครัด จึงจะได้รับการยอมรับจากประชาชน แม้ข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบสภา จะย้อนแย้งกัน เพราะถ้ายังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยังเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม บ้านเมืองก็กลับมาเหมือนเดิม พร้อมห่วงใยว่า นักศึกษาจะต้องเคร่งครัดต่อข้อเรียกร้อง ไม่ก้าวล่วงสถาบันสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้ข้อเรียกร้อง กลายเป็นจุดอ่อน และจะนำพาความสูญเสียมากมาย การเคลื่อนไหวของนักศึกษาในอดีต ที่มีความแข็งแรง นักศึกษา จะถือธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ แม้จะเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ก็ทรงเปิดสวนจิตลดาให้ประชาชนเข้าไปหลบภัย มีการพระราชทานเพลิงศพวีรชนที่ท้องสนามหลวง

 

นายจตุพร ยังย้ำด้วยว่า การเตือนดังกล่าว ไม่ได้ต้องการทำให้นักศึกษาเกิดความหวาดกลัว แต่ห่วงใยว่า หากต่อสู้อย่างไร ก็จะได้รับผลลัพธ์อย่างนั้น ถ้ายึดข้อเสนอ 3 ข้อ ไม่ก้าวล่วงสถาบัน ก็มั่นใจว่า จะได้รับแนวร่วมจากประชาชน แต่ถ้าไปก้าวล่วงสถาบัน ก็จะเกิดจุดจบเหมือนกัน จึงกังวลจะเกิดความสูญเสียเหมือนในอดีต และขอให้นักศึกษาตั้งสติ และยึดมั่นว่า ประเทศไทย จะต้องปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงจะเป็นภูมิต้านทานของคนหนุ่มสาว

 

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังขอให้นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ลงมาพูดคุยกับนักศึกษา เพราะข้อเสนอต่าง ๆ สามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ ส่วนสภา ก็สามารถเป็นเวทีพูดคุย แสดงความเห็นส่งสัญญาณเตือนทุกฝ่าย และเรื่องนี้จะจบลงอย่างสง่างาม ด้วยการที่นายกรัฐมนตรี เปิดเวทีพูดคุยกับนักศึกษา ประกาศไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็จะเป็นทางออก

บทความที่เกี่ยวข้อง