น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ศบค.มีมติเห็นชอบให้ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับมติของ ศบค.เพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจำเป็นในการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป ทั้งนี้เพราะคนไทยยังไม่เคยการ์ดตก แต่ที่การ์ดตกล้วนเกิดจากความผิดพลาดและความประมาทเลินเล่อของรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายพิเศษกับคนไทย เพราะประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มา 2 เดือนแล้ว แสดงว่าเชื้อภายในประเทศหมดไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือรัฐบาลต้องมีมาตรการที่เข้มงวดไม่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ามาในประเทศ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานละหลวมปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้ ทั้งๆที่มีการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำจึงไม่ใช่ไปต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ควรจะหามาตรการ ที่เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศเข้าประเทศโดยไม่ต้องถูกกักตัวต่างหาก
ทั้งนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่าขณะนี้คนไทยเดือดร้อนแสนสาหัสจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำมากที่สุดคือการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ว่าประเทศไทยสามารถควบคุมโควิดได้ และหากมีปัญหาเรื่องโรคติดต่อรัฐบาลก็พร้อมรับมือ ไม่ใช่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาข่มขู่ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ และเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจค้าขายของประชาชนอยู่ในขณะนี้ ส่วนเหตุผลที่ ศบค.แถลงว่าจำเป็นต้องต่อ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปเพราะเป็นเครื่องมือสำคัญของควบคุมโรคก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะกฎหมายอื่นๆโดยเฉพาะ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ก็สามารถบังคับใช้ได้อยู่แล้ว ขอเพียงผู้มีอำนาจการ์ดอย่าตกก็เชื่อว่าสามารถควบคุมโรคได้อย่างแน่นอน
“หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปตามมติ ศบค. ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องมีคำครหาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน ว่าการต่อ พรก.ฉุกเฉินมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร นอกจากการบังคับใช้เพื่อประโยชน์ความมั่นคงของตัวเอง และควบคุมไม่ให้นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที หากยังดื้อดึงที่จะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปให้ได้ พรรคเพื่อไทยจะยื่นกระทู้สดหรือญัตติด่วนเพื่อให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเหตุผลกับสภาอย่างแน่นอน เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกจากจะไม่สร้างความปรองดองแล้ว ยังเพิ่มความเกลียดชังและสร้างความแตกแยกให้คนในชาติอีกด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์