“เพื่อไทย” จัดเสวนา “รับมือโควิดอย่างไร ไม่ให้ประเทศพัง” 

Highlight, สังคม
12 มกราคม 2021

“เพื่อไทย” จัดเสวนา “รับมือโควิดอย่างไร ไม่ให้ประเทศพัง”  แนะ มาตรการสู้โควิดพยุงปัญหาเศรษฐกิจประเทศ  ชี้ รัฐควรเอาบทเรียนจากการระบาดครั้งแรกมาปรับใช้  เหน็บ “หาเงินไม่เป็น ก็เลยไม่กล้าใช้”

 

พรรคเพื่อไทย จัดเสวนาผ่านโปรแกรมซูมในหัวข้อ “รับมือโควิดอย่างไร ไม่ให้ประเทศพัง” โดยคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย โดยประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ กล่าวว่าภาครัฐต้องเรียนรู้จากการระบาดครั้งแรก โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ที่ต้องมีมาตรการเยียวยาออกมาพร้อมกันทันที อีกทั้งรัฐยังต้องลงทุนกับสิ่งที่คาดว่าจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในอนาคต คือ ลงทุนในมนุษย์ ในด้านการศึกษา ,ลงทุนในระบบน้ำอย่างครบวงจร เพื่อให้เป็นศูนย์รวมอาหารของโลก และลุงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

ด้านรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวถึงมาตรการทางการคลังรับมือโควิดว่ารัฐบาลต้องเยียวยาให้มากกว่า 15,000 บาท หรือนำนโยบายที่เคยดำเนินการในช่วงระบาดครั้งแรกกลับมาอีกครั้ง เช่น น้ำฟรี ไฟฟรี รถเมล์ฟรี ยังชี้ถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขที่ระบบศุลกากรที่เคยมีต่างประเทศท้วงติงมา  พร้อมแนะนำให้ปรับปรุงระบบภาษีให้ลดความเหลื่อมล้ำ และจัดระเบียบงบประมาณแบบใหม่ลดงบประมาณของทหารและความมั่นคงลงเพื่อนำไปดำเนินการอย่างอื่นที่จำเป็น และต้องการเห็นภาครัฐดำเนินจัดการ “เวิร์กฟอร์มโอม-เลิร์นฟอร์มโฮม-บายฟอร์มโฮม”

ส่วนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การจัดสรรงบประมาณ มาตรการทางการเงินรับมือโควิดและซอฟโลนที่ควรพึงใช้มาตรการในยามที่ไม่เป็นปกติ คือตั้งกองทุนเพื่อดูแลภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความหายนะผ่านพ้นไปได้ ทั้งปัญหาประชาชนตกงาน ภาคธุรกิจที่ล้ม การจ้างงานที่หยุดชะงัก โดยย้ำว่าไม่ได้ต้องการให้เกิดความอ่อนแอตามมาตรการทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่ามาตรการนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อระบบการเงินในประเทศ และยังชี้ว่าซอฟโลนไม่สามารถพลักดันเศรษฐกิจได้ ด้วยเงื่อนไขที่สูง โดยรัฐต้องผ่อนปรน

นอกจากนี้รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายฯพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล กล่าวถึง มาตรการเยียวยาแรงงานในและนอกระบบว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากการล็อกดาวน์ สูงสุดในรอบ 11 ปี โดยท้วงติงว่ามาตรการด้านแรงงานยังแก้ไม่ตรงจุดเปรียบเหมือนทำให้คนตายแล้วมาช่วยค่าทำศพ พรรคเพื่อไทยจึงเสนอมาตราการโครงการจ้างงาน ที่เป็นมาตรการใช้ทั่วโลกแต่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย // โดยแรงงานในระบบ การดำเนินการภาครัฐจ่ายเงินไปยังนายจ้าง เพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงิน และลูกจ้างไม่ตกงาน โดยจ่ายแบบขั้นบันไดร้อยละ 50-60 โดยมีข้อตกลงว่าผู้ประกอบการต้องต้องรับษาการจ้างงานร้อยละ 90 ส่วนแรงงานนอกระบบเสนอให้จ่ายเดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน โดยจ่าย 6,000 บาทในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถจ้างงานเพิ่มในช่วงวิกฤตได้ และให้ภาครัฐสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างที่ตกงานเจอกันผ่านระบบเอไอ

บทความที่เกี่ยวข้อง