ส.ส.ก้าวไกล ไล่ “ไพบูลย์”ลาออก ส.ส.ไปนั่ง ส.ส.ร.

Highlight, การเมือง
27 พฤศจิกายน 2020

รับกังวล กมธ.แก้รัฐธรรมนูญจะทำให้ ส.ส.ร.ทำงานยาก ย้ำกล่าวหา ตั้ง ส.ส.ร.เป็นการตีเช็คเปล่าเท่ากับดูถูกประชาชน

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรซึ่งหลายส่วนจะต้องมีการพูดคุยกันานกรรมาธิการ แต่ยอมรับว่ามีความกังวลว่าท้ายที่สุดกรรมาธิการชุดนี้จะทำให้ ส.ส.ร.ที่จะมีขึ้นในอนาคตทำงานได้ยาก

ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการปลดล็อกหมวด 1 หมวด 2 เพื่อให้ ส.ส.ร.เข้ามาแก้ไขได้ หรือญัตติต่างๆ ที่ตกไปแล้ว ส.ส.ร.ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง เช่น อำนาจการเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว หรือ การรับรองอำนาจ คสช. หากกรรมาธิการล็อคเอาไว้ก็เท่ากับทำหน้าที่แทน ส.ส.ร. และคิดแทนประชาชนซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย กรรมาธิการควรหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ ส.ส.ร.สามารถทำงานได้ง่าย เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน การให้สัมภาษณ์ของไพบูลย์แบบนี้เท่ากับคิดเอาแต่ได้ ไม่สนใจว่ารัฐธรรมนูญของประชาชนจะเป็นอย่างไร

จึงเสนอให้นายไพบูลย์ควรทำ 2 อย่างคือไปรณรงค์หรือ โน้มน้าวให้ ส.ส.ร.คล้อยตามที่ต้องการ และออกแบบรัฐธรรมนูญตามที่นายไพบูลย์ต้องการ หรือไม่นายไพบูลย์ก็ลาออกแล้วไปเป็นส.ส.ร. ดีกว่ามาใช้กลไกกรรมาธิการ ดังนั้นจึงขอให้กลับมาสู่หลักการที่ถูกต้องเพราะการแก้ไข ไม่ใช่วางกรอบล็อคทุกอย่าง เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ประชาชนต้องรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนและมาจากประชาชน

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการตั้ง ส.ส.ร.จะเป็นการตีเช็คเปล่านั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเป็นการใช้วาทกรรม หากมองว่าเป็นการตีเช็คเปล่าเท่ากับไม่ไว้ใจประชาชน ไม่ไว้ใจให้ประชาชนร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนเอง การที ส.ส.ร. คือการออกแบบร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน และการที ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้รัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างมีความชอบธรรม ได้รับการยอมรับ และเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหา เพราะการเลือกตั้งจะนำทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ที่มีความเห็นต่างกันเข้าสู่กระบวนการพูดคุยอย่างสันติ เป็นกระบวนการแก้ปัญหาทางการเมืองในระยะยาว ให้ ส.ส.ร.ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้งอย่างที่รัฐบาลเสนอ เพราะเป็นซ้ำเติมในกระบวนการที่มีปัญหาแบบที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำลังมีปัญหา

ด้านนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ขอให้ประชาชนจับตาจากการให้สัมภาษณ์ของนายไพบูลย์ในประเด็นเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมฉบับรัฐบาล ที่เดิมมาตรา 256/13 วรรค 5 เขียนไว้ว่าห้ามแก้หมวด 1และหมวด 2 และให้คงบทเฉพาะกาลไว้ ในมาตรา 269 , 272 และ 279 คือเมื่อมีการเลือกตั้งส.ส.ร.จะยกร่างทั้งฉบับแต่ต้องมีบทเฉพาะกาลอันนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็หมายความว่านายไพบูลย์ต้องการให้ 3 มาตรานี้ คงไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ท้ายที่สุดจะใช้เวทีของส.ส.ร.นี้ทำเพื่อประโยชน์ของใคร จึงต้องจับตาการทำหน้าที่ของสสร.ให้ดี และการที่เอาบทบัญญัติตามมาตราในบทเฉพาะกาลนี้ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความขัดแย้งในสังคมอยู่แล้วและต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราไปด้วยนั้น 3 มาตราที่จะคลในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องถูกแก้และเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรามาอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ส.ส.ร.ที่ตั้งขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว แต่การแก้ไขปัญหาระยะสั้นคือความขัดแย้งอยู่ในรัฐธรรมนูญปี60

บทความที่เกี่ยวข้อง