“ดร.รยุศด์” ชี้ 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศหลังจากนี้ หากนายกฯไม่ลาออกหรือยุบสภา แนะ รัฐบาลเร่งเปิดเจรจาผู้ชุมนุม เชิญตัวแทนจากทุกภาคส่วน ก่อนประเทศเสียหาย
ดร.รยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์การชุมนุมและข้อเรียกร้องที่ค่อยๆขยายเพดานขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะมีความรุนแรงจากมือที่สาม ซึ่งหาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ตัดสินใจลาออกหรือยุบสภา ตนคิดว่าสถานการณ์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการเมืองไทยหลังจากนี้น่าจะออกมาได้ 5 รูปแบบ ดังนี้
1) รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจอาจจะเปลี่ยนท่าที ยอมเจรจารับฟังข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ หรือเกิดการเจรจาขึ้น โดยมีตัวแทนจากผู้ชุมนุม และจากทุกภาคส่วนที่สังคมยอมรับ
2) เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุม หรือมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายด้วยกันเอง
นำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรง ทำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน และสลายการชุมนุม
3) เกิดการรัฐประหารโดยทหารกลุ่มอื่นซึ่งเห็นต่างจากรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อเป้าหมายให้ 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสานา และ พระมหากษัตริย์ ดำรงอยู่ อาจมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว และจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดเพื่อให้เกิดการยอมรับจากสังคม
4) เกิดการรัฐประหาร หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก จากรัฐบาลหรือกลุ่มผู้ถืออำนาจปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือกลุ่มเดิม มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม นักการเมือง และมีการเรียกตัวบุคคลปรับทัศนคติอีกครั้ง
5) เกิดกระบวนการแทรกแซงของต่างชาติ หรือจากประเทศมหาอำนาจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง มีเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ยิ่งหากมีการปะทะระหว่างรัฐบาล และผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง ก็จะเป็นเงื่อนไขให้องค์กรระหว่างประเทศใช้เป็นเงื่อนไขเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
ดร.รยุศด์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในความเห็นของตนรูปแบบที่ 1 จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย และเป็นการปลดล็อคทางการเมืองของประเทศอย่างแท้จริง ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมจะสามารถทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นสิ่งที่ต้องเจรจาพูดคุยด้วยเหตุผลภายใต้กลไกที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย อย่างน้อยก็เป็นก้าวสำคัญเพื่อยุติปัญหาและความขัดแย้ง ดำรงไว้ซึ่งรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข