วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำของประเทศต้องเลิกเล่นบทตี 2 หน้า หรือ พูดอย่างทำอย่างได้แล้ว เพราะเป็นลักษณะของโมฆะบุรุษที่ผู้นำไม่ควรปฏิบัติอย่างเด็ดขาด วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดกับคนไทยว่าอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน แต่ในทางปฏิบัติกลับมีกรณีเอกสารลับสั่งการให้สกัดมวลชนไม่ให้มาร่วมม็อบราษฎร และมีการใช้กลไกรัฐในการจัดมวลชนขึ้นมาสนับสนุนรัฐบาลทั้งๆที่อ้างว่าไม่อยากให้มีการนำมวลชนมาปะทะมวลชน หรือ “ม็อบชนม็อบ”
นายการุณกล่าวว่า กรณีเอกสารลับ สมช ไม่ใช่แค่สกัดกั้นคนเข้าร่วมชุมนุมเท่านั้น แต่ยังให้ทำ IO ตอบโต้ ลดความชอบธรรมของฝ่ายสนับสนุนม็อบนักศึกษาด้วย ไม่เว้นแม้แต่ผู้สนับสนุนม็อบราษฎรที่เคยเป็นถึงเอกอัครราชฑูตก็ยังโดนไอโอรัฐบาลถล่มแหลก ถือเป็นการใช้งบประมาณและทรัพยากรของรัฐในการกำจัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนอย่างน่ารังเกียจ ส่วนการใช้กลไกรัฐกดดันฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และสนับสนุนมวลชนฝ่ายตัวเองนั้น ถือเป็นการกระทำที่เอาเปรียบ เลือกปฎิบัติกับประชาชน เป็นการใช้เงินภาษีประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยากให้เกิดม็อบชนม็อบก็ต้องเร่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตำรวจปล่อยให้เกิดม็อบชนม็อบและกรณีการยิงการ์ดนักศึกษาหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พย โดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก ไม่ใช่ออกมาพูดปกป้องตำรวจ แต่ใส่ร้ายผู้ชุมนุม เล่นบทตี 2 หน้าเป็นโมฆะบุรุษอย่างนี้ เพราะการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมของตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ขึ้นอยู่กับสัญญาณหรือนโยบายจากรัฐบาล หากรัฐบาลส่งสัญญาณให้ใช้ความเด็ดขาดหรือความรุนแรง จนท.ย่อมต้องปฎิบัติตาม ดังนั้นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่พอเกิดความรุนแรงขึ้น ก็โยนบาปให้เจ้าหน้าที่ แต่รัฐบาลลอยตัว หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขอให้ระวังว่าปลายปากกระบอกปืนที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้หันไปยัง นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน จะถูกเจ้าหน้าที่หันกลับมาชี้ใส่ผู้สั่งการบ้าง ถ้าถึงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็นโมฆะบุรุษเต็มตัว และไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกแล้ว” นายการุณกล่าว