รองโฆษก ปชป. วอนม็อบหยุดชุมนุม หลังรัฐสภารับหลักการแก้ไข รธน. ตั้ง สสร. ถึงเวลาร่วมกันเดินหน้าประเทศ ย้ำสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ไม่ควรแตะต้อง
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยุติการชุมนุม เนื่องจากขณะนี้รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในวาระรับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่จะให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) แล้ว ดังนั้นในส่วนของข้อเรียกร้องต่างๆของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุม ขอให้ร่วมเข้ามาผลักดันความต้องการผ่าน สสร. และที่สำคัญในร่างรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล ยังมีการกำหนดให้มีสัดส่วนตัวแทนกลุ่มเยาวชนจำนวน 10 คน
“ส่วนการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ควรไปแตะต้อง เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมืองอยู่แล้ว ไม่ควรนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะแก้ทำไมในเมื่อหมวด2 ที่ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มีการบัญญัติไว้ดีอยู่แล้ว แล้วจะไปแก้ให้สถาบันพระมากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองทำไม” นายอัครเดช กล่าว
ส่วนจะเรียกร้องประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับหมวด 1 และหมวด 2 ก็สามารถไปผลักดันผ่าน สสร.ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกเลิกให้ ส.ว.สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ หรือเรื่องการแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ20ปีและแผนการปฏิรูปประเทศก็สามารถผลักดันผ่าน สสร.ได้ และที่สำคัญ สสร.ที่จะเกิดขึ้นมาก็มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน มีความยึดโยงกับประชาชน ดังนั้นจึงมีความชอบธรรมที่ทุกคนจะมาร่วมกัผลักดันและเดินหน้าประเทศ และขณะนี้หลายภาคส่วนก็ต้องการให้ประเทศชาติสงบ เพื่อที่จะได้เดินหน้าประเทศและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้สะเดาะกุญแจดอกแรก คือ มาตรา 256 ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งถือว่าได้ทำตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ทำประสบความสำเร็จไประดับหนึ่งแล้ว และขั้นตอนที่สำเร็จก็ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ดังนั้นนี่ถือว่าเป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย