จตุพร”ยึดชาติมาก่อน

Highlight
3 พฤศจิกายน 2020

จตุพร”ยึดชาติมาก่อน ถามปลายเปิด กังขาก่อสร้างสถานกงสุลสหรัฐที่เชียงใหม่ 9 พันล้าน สงสัยทำไมใหญ่โต มีอะไรเงื่อนงำซุกซ่อนไว้หรือไม่ กระทุ้ง “ดอน”ช่วยแจงหวั่นเป็นภัยคุกคาม นำพา ปท.เดือดร้อนเข้าสู่สงคราม ย้ำสมานฉันท์ไม่จำเป็น ซัดทำประชามติงดม็อบ 2 ปี แนวคิดพิเรน

เมื่อ 2 พ.ย. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk เรียกร้องให้คนไทยยึดผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน โดยย้ำให้ตรวจสอบการสร้างสถานกงสุลสหรัฐที่เชียงใหม่ การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ที่หาประโยชน์ไม่ได้ รวมทั้งการเสนอทำประชามติให้หยุดการชุมนุม 2 ปี ซึ่งเป็นแนวคิดพิเรนของพวกชุมนุมซัดดาวน์กรุงเทพเมื่อต้นปี 2557

ในกรณีตรวจสอบการก่อสร้างสถานกงสุลสหรัฐนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์สหรัฐใช้ไทยเป็นฐานทัพไปทิ้งระเบิดประเทศข้างเคียง จึงเป็นการชักศึกเข้าไทยในช่วงสงครามหลายปีที่ผ่านมา จนในยุดค มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนหมดความอดทนลุกขึ้นขับไล่ฐานทัพสหรัฐออกจากไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีในยามประเทศไทยลำบากนั้น สะท้อนว่าไม่ได้ให้ความสนใจไทยเป็นมิตรประเทศอย่างแท้จริง ดังนั้น การที่สหรัฐก่อสร้างสถานกงสุลแห่งใหม่ที่เชียงใหม่มูลค่าเกือบ 9 พันล้านบาท เราควรสงสัยว่า ได้แฝงเร้นอะไรเป็นภัยกับไทยหรือไม่ ซึ่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศของไทย สนิทสนมกับสหรัฐ ช่วยอธิบายมีความจำเป็นอะไรจึงสร้างสถานกงสุลมูลค่ามากขนาดนี้ กระทั่งอาจทำให้ประเทศจีน ตัดสินใจไม่ส่งเอกอัครราชทูตมาอยู่ไทยเป็นเวลานาน โดยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นชั้นอุปทูตจีนเท่านั้นเป็นตัวแทน

“เราตั้งคำถามไม่สบายใจว่า อะไรที่กำลังก่อสร้างที่เชียงใหม่ จะทำให้ไทยได้ผลกระทบและเสียหายหรือไม่ เพราะเอกภาพบูรณาภาพเหนือดินแดนเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น เราเป็นคนไทยต้องมีความสงสัยว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น เป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ หรือถ้าเป็นฐานทางการทหารเพื่อไปโจมตีประเทศอื่นแล้ว ไทยจะถูกคู่สงครามสหรัฐถล่มไทยได้เช่นกัน”

นายจตุพร เรียกร้องว่า ไทยควรแสดงจุดยืนในเรื่องการก่อสร้างสถานกงสุล ขณะที่สหรัฐไม่ให้ความสำคัญกับไทยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศควรพูดถึงภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น เพราะชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน เมื่อสหรัฐต้องการได้ประโยชน์อย่างเดียว แต่ไทยเสียหายและเป็นจุดเปราะบางกับเพื่อนบ้าน อีกทั้งเมื่อถูกเล่นงานตัดจีเอสพี ไทยควรตอบโต้ตรวจสอบการสร้างกงสุลเช่นกันว่า ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายอย่างไรหรือไม่

ส่วนการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น ตนเชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งกรรมการอะไรอีกแล้ว เพราะไม่เกิดประโยชน์ ศึกษาพูดคุยแล้วนำมาแก้ปัญหาไม่ได้ ตลอดจนการแก้ รธน.นั้น ขออย่าให้การคาดการณ์ของตนถูกต้องว่า รธน. 2560 จะจบลงท้ายด้วยการถูกฉีก ไม่ได้้ถูกแก้ เพราะ รธน.ฉบับนี้มีเงื่อนงำซุกซ่อนไว้มากมายเหลือเกิน

นายจตุพร กล่าวว่า แนวความคิดให้มี สสร.นั้น เป็นความเห็นที่ตรงกันของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่แตกต่างกันเพียงกระบวนการที่มา โดยฝ่ายรัฐบาลให้มีการสรรหา 50 คนที่เหลือเลือกตั้ง ส่วนฝ่ายค้านให้เลือกตั้งทั้งหมด 200 คน แต่วันนี้เชื่อว่า แม้ได้แก้ รธน. มาตรา 256 แต่แน่ใจหรือว่าจะได้ไปไม่ถึงขั้นตอนได้ร่าง รธน.ฉบับใหม่

อีกอย่าง การเสนอการทำประชามติพร้อมกันในวันเลือกตั้งนายกองค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) กับสมาชิกสภา อบจ.นั้น การเสนอให้งดชุมนุม 2 ปีเท่ากับเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลเหลืออยู่ และแนวคิดแบบนี้ คนคิดเคยร่วมชุมนุมซัดดาวน์กรุงเทพไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว เมื่อถึงเวลาตัวเองเป็นรัฐบาลกลับให้ไปขอประชามติ ช่างเป็นแนวคิดพิเรนสิ้นดี

อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า คำตอบประชามติจะขัดแย้งกับ รธน.ไม่ได้ เพราะเมื่อชุมนุมสงบ ปราศจากอาวุธย่อมเป็นเสรีภาพ ดังนั้น ความพิเรนจะไม่ให้ชุมนุม 2 ปีเพื่อแก้ปัญหาวิกฤต แต่ในยามที่หัวหน้า คสช.เป็นรัฐฎาธิปัตย์แทบไม่มีชุมนุมเลย การแก้ปัญหาบ้านเมืองกลับไม่ดีขึ้น ดังนั้น วิธีแก้ไขการชุมนุมต้องแก้ที่ปัญหาทำให้เกิดการชุมนุม โดยทำตามข้อเรียกร้อง การชุมนุมก็ยุติโดยสิ้นเชิงแล้ว

“การชุมนุมถือเป็นเสรีภาพ การเสนอข้อเรียกร้องเท่านั้นที่เป็นปัญหา ผมไม่อยากเอ่ยชื่อคนดังคนนี้ เพราะเหลวไหลที่สุด คิดแบบนี้ก็แก้ปัญหาชาติไม่ได้ การคิดเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ไม่ได้คิดเพื่อชาติ และประเทศไทย เราย้ำมาแต่ต้นว่าถ้าเอาชาติบ้านเมืองเป็นหลักแล้ว ผมเชื่อว่า บ้านเมืองจะไม่มีสภาพแบบนี้”

นายจตุพร ตั้งคำถามกรณีกลุ่มทุนผูกขาดเศรษฐกิจแล้วสร้างความเหลื่อมล้ำว่า ถึงเวลาต้องแก้ไขได้หรือยัง เพราะทุนหน้าเลือดพวกนี้ไม่เคยคืนผลประโยชน์กลับสู่สังคมบ้านเมือง มุ่งแต่กอบโกย แล้วไปกว้านซื้อที่ดินสะสมไว้เต็มประเทศ

“แม้ได้แก้ รธน.คงจัดการทุนผูกขาดเหล่านี้ไม่ได้ เพราะท้ายสุดผลประโยชน์ใหญ่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลย่อมได้รับการสนับสนุนจากทุนผูกขาดทั้งสิ้น ประเทศยากลำบากขณะนี้ ถ้าจะจัดการแล้วต้องจัดการพวกทุนผูกขาดให้สิ้นสุดเสียที่ ไม่เช่นนั้นปัญหาก็ไม่จบ ประชาชนต้องจัดการ ฝากความหวังกับนักการเมืองไม่ได้หรอก”

อีกทั้ง ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการอื่นใด ควรมาจัดการกับคนพวกนี้สักที เพื่อให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ถ้าไม่แก้ไขรุ่นลูกหลานจะไม่เหลืออะไรเลย หวังว่าประเทศจะเดินไปถึงการแก้ปัญหานี้ได้ ถ้าคนไทยไม่ช่วยกันก็เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไม่ได้ ดังนั้น ต้องช่วยกันเอาชาติบ้านเมืองมาก่อน

บทความที่เกี่ยวข้อง