นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้ ว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็กพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ตนได้เป็นคณะรัฐมนตรี ซึ่งในส่วนของการทำงาน โดยในวันนี้จะมีการชี้แจงในที่ประชุมครม.ว่านายกรัฐมนตรีจะมอบหมายหน้าที่ในเรื่องใดบ้าง แต่ตนก็ได้ศึกษามาในเบื้องต้นบ้างแล้ว
ส่วนการเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น นายสุพัฒนพงษ์ เปิดเผยว่า เป็นที่เข้าใจกันดีว่าทุกคนคาดหวังที่จะมีมาตราการใหม่ๆมารองรับ แต่รายละเอียดทั้งหมด ขอรอความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรีทาบทามมาดำรงตำแหน่งไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียดของการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเพียงการพูดคุยกันกว้างๆ โดยเหตุผลที่ตนตัดสินใจเข้ามาทำงานกับรัฐบาลนั้น เนื่องจากตนเข้าใจปัญหาและมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า หากมีโอกาสช่วยประเทศชาติได้ตนก็ยินดี ซึ่งตนก็เพิ่งจะเกษียณอายุมาและได้รับฟังปัญหาและรับฟังสถานการณ์มาและพอคิดว่าจะช่วยอะไรได้ ขณะนี้เองก็มีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเกิดขึ้นทั้งโลกรวมไปถึงมีความไม่แน่นอนจึงถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก และจะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแก้ไขปัญหาประเทศที่มีอยู่
และการทำงานในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายแบบใหม่ เนื่องจากต้องปรับระบบการทำงานจากเอกชนมาเป็นงานราชการ ซึ่งจะพยามทำงานและทุ่มเทอย่างเต็มที่
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งในฐานะหัวหน้าทีมรัฐบาลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและเชื่อมั่นในตัวครม.ทุกคน ส่วนคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในสายตาโลกหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า คงเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประเทศไทยสามารถจัดการสถานการณ์ได้ดีซึ่งถือว่าเป็นการพิสูจน์ว่าไทยดีและโดดเด่นกว่าอีกหลายประเทศและเลือกเส้นทางอย่างระมัดระวัง จึงถือว่าเป็นความสามารถของครม.และนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่อจากนี้จะต้องเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่ขณะเดียวกันทุกคนต้องช่วยกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโลกอีกครั้งเนื่องจากการแก้ไขการระบาดจะทำให้เสียงบประมาณและยิ่งจะทำให้เสถียรภาพทางการเงินการคลังของไทยด้อยลง เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รวมไทยสร้างชาติไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง
ส่วนข้อกังวลการชุมนุมจะกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่ตนยังคงเชื่อมั่นว่าทุกคนจะต้องช่วยกัน ซึ่งการให้ข้อมูลที่ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคการเมืองจะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่นั้น ขอรอดูก่อนว่าตนจะได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงใดข้าง แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะราบรื่นไปได้ด้วยดี