น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงบทเฉพาะกาล โดยต้องการให้ยกเลิกเรื่องวุฒิสภาและการรับรองประกาศคำสั่งของ คสช. นั้น แสดงให้เห็นว่านายปิยบุตรขาดความเข้าใจในกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยและไม่เคยยอมรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวุฒิสมาชิก ดังนั้นจึงควรศึกษาและจดจำให้ถ่องแท้ก่อนแสดงความคิดเห็น
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า บทเฉพาะกาลไม่ได้มีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อตามที่นายปิยบุตรเข้าใจผิด โดยเนื้อหาสาระที่ถูกต้องมีอธิบายเป็นภาษาไทยชัดเจนในหนังสือความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่จัดทำโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หน้า ๔๗๗ ว่า “ความมุ่งหมายบทเฉพาะกาลกำหนดขึ้นเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างต่อเนื่อง”
” นายปิยบุตรจึงอาจเข้าใจกฎหมายและความมุ่งหมายบทเฉพาะกาลผิดพลาด ดังนั้นย่อมส่งผลทำให้ข้อเสนอให้ยกเลิกกฎหมายมาตราต่างๆ โดยอ้างหลักการมากมายจึงอาจผิดเพี้ยนตามไปด้วย หากยังคงยืนยันเสนอให้ยกเลิกตามความคิดเดิมอีก ก็อาจแสดงว่านายปิยบุตรแกล้งแถตีรวนโดยไม่อิงความรู้กฎหมาย ส่วนในประเด็นมาตรา ๒๖๙, ๒๗๐, และ ๒๗๒ ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยการสรรหาวุฒิสภาชุดแรกก็มีการกำหนดหน้าที่ของวุฒิสภาที่เพิ่มเติมในการเป็นกลไกหลักในการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จตามยุทธศาสตร์ชาติ” น.ส. ทิพานัน กล่าว
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ ในข้อเท็จจริงของวันที่ ๕ มิ.ย. ๖๒ นั้น เฉพาะผลจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เข้าประชุมทั้งหมด ๔๙๗ คนมีผู้โหวตรับรองให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจำนวน ๒๕๑ คน เกินจำนวนเสียงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดแล้ว การโหวตรับรองของวุฒิสภาจึงไม่ได้ลดทอนความชอบธรรมที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาตามวิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขลงไปเลย ซึ่งนี่เป็นข้อเท็จจริงที่มักมีกลุ่มบุคคลที่ไม่ยอมรับเสียงข้างมากในสภา แต่กลับแสร้งห่มขาวปากถือศีลอ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแต่ในมือถือสากคอยบิดเบือนความจริงสู่สังคม หวังว่านายปิยบุตร จะไม่ใช่คนเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามตนเห็นด้วยว่า ควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากทุกกลุ่ม แต่ต้องไม่บิดเบือน ไม่มีการก้าวล่วงสถาบันฯ และอยู่บนพื้นฐานกรอบกฎหมาย ถ้าทุกอย่างถูกต้องและทำเพื่อประโยชน์ของชาติย่อมมีคนเห็นด้วยแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามความสำคัญเร่งด่วนเป็นอันดับแรกขณะนี้ คือฟื้นฟูเศรษฐกิจ อยากวิงวอนนักการเมืองทุกฝ่ายทุ่มเท มุ่งมั่นช่วยกันทำให้ประเทศมีความสุขสงบ มีการค้าขาย มีการจ้างงานกันปกติก่อนจะคิดทำเรื่องอื่น น.ส. ทิพานัน กล่าว