นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าววันนี้(26 ก.ค.)ว่า คดี ”บอส กระทิงแดง”กำลังสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของตำรวจและอัยการผู้รับผิดชอบคดีซึ่งสะท้อนถึงความ2มาตรฐานของการบังคับใช้กฎหมายที่เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้ถ่างกว้างมากยิ่งขึ้นนำมาซึ่งความเสื่อมของหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศและไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนขาดความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายเท่านั้นแต่ยังลดทอนความเชื่อมั่นด้านธุรกิจการค้าและการลงทุนของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทยรวมทั้งกระทบภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศโดยตรงอีกด้วย คดีในลักษณะนี้ไม่ใช่กรณีเดียวที่เกิดขึ้นในประเทศนี้แต่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดวลีที่กล่าวว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ซึ่งตนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกอนาถใจในความไม่ชอบมาพากลของคดีนี้อย่างรุนแรง จึงมีข้อเสนอแนะ 2 ประการ
1.รัฐบาลควรสั่งการให้มีการตรวจสอบคดีดังกล่าวทันทีด้วยอำนาจของนายกรัฐมนตรีผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารสูงสุดของประเทศ
2.เร่งรัดดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี2560ภายใต้แผนปฏิรูปของคณะกรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม 10 ประเด็นโดยเร่งด่วนได้แก่
1.การกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า
2. การพัฒนากลไกช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง กระบวนการยุติธรรม
3. การพัฒนากลไกการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
4. การปรับกระบวนทัศน์ในการบริหารงานยุติธรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยและความเป็นธรรมในสังคม
5. การปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาเพื่อให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุล ระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม
6.การกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ชัดเจนเพื่อมิให้คดีขาดอายุความ
7. การพัฒนาระบบการสอบสวนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ
8. การปฏิรูประบบนิติวิทยาศาสตร์เพื่อความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อเท็จจริงแห่งคดี
9. การเสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อมุ่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็ว
10. การพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
ดังนั้นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะต้นน้ำ คือตำรวจและอัยการ จึงเป็นวาระเร่งด่วนซึ่งอัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อภารกิจดังกล่าวโดยร่วมมือกับรัฐสภาซึ่งมีหน้าที่กำกับการปฏิรูปประเทศในทุก3เดือนได้ตรวจสอบควบคุมการดำเนินการตามแผนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างเข้มข้น ทั้งนี้เพื่อสร้างกระบวนการยุติธรรมที่มีธรรมาภิบาลให้กับประชาชนและประเทศชาติ
นอกจากนี้ ในฐานะประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคได้ปรึกษากับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์พิจารณานำเรื่องเข้าหารือต่อสภาผู้แทนราษฎรให้ใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎรสอบสวนตรวจสอบคดีดังกล่าวในสัปดาห์หน้า